โดยสามัญวิศวกรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตาม มาตรา 9
ตามกฎกระทรวงเรื่อง มาตรการความปลอดภัยเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าในโรงงาน
Professional Engineer คือชื่อที่ให้กับวิศวกรที่ได้รับการรับรองว่าได้มาตรฐานมาตรฐานทางวิชาชีพและประสิทธิภาพที่มีคุณภาพสูงและมีความรับผิดชอบต่อสังคม สามารถประกอบวิชาชีพการวิเคราะห์และออกแบบระบบวิศวกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพสูงในสถานะผู้ออกแบบ ผู้สนับสนุน ผู้ควบคุม และผู้ดำเนินงานในกิจกรรมวิศวกรรม
การเป็น P.E. ต้องผ่านการศึกษาและสอบวิชาชีพอย่างเข้มงวด ซึ่งประกอบด้วยการรับปริญญาวิศวกรรมจากมหาวิทยาลัยที่ได้รับการรับรอง ผ่านการทำงานในวงการวิศวกรรม และสอบผ่านการรับรองวิชาชีพจากสมาคมวิศวกรในประเทศที่เป็นสมาชิกของผู้ประกอบวิชาชีพดังกล่าว การได้รับการรับรองเป็น P.E. จะช่วยให้วิศวกรมีคุณภาพสูงและสามารถรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์หรือโครงการได้อย่างมั่นใจและมีความเป็นมืออาชีพในวงการวิศวกรรม
ตามประกาศของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การตรวจสอบและรับรองระบบไฟฟ้า นายจ้างจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ รวมถึงการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าปีละครั้งเพื่อให้ใช้งานอย่างปลอดภัย โดยมีวิศวกรไฟฟ้าที่ได้ขึ้นทะเบียน หรือนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาต เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบและรับรอง นายจ้างต้องแจ้งผลการตรวจสอบและรับรองต่อพนักงานตรวจความปลอดภัยภายใน 15 วัน โดยการปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากระบบไฟฟ้าที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม
การตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นการตรวจสอบความถูกต้องและปลอดภัยของระบบไฟฟ้าภายในอาคารหรือสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัยและไม่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางไฟฟ้า เช่น ไฟไหม้ ไฟฟ้าช็อต
การตรวจสอบระบบไฟฟ้าจะต้องมีการปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง เช่น พรบ. ความปลอดภัยทางไฟฟ้า พ.ศ. 2550 และมาตรฐานการตรวจสอบระบบไฟฟ้าของสมาคมวิศวกรไทยตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญสูงในการรักษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าในอาคารหรือโรงงานต่างๆ การตรวจสอบระบบไฟฟ้าจะช่วยตรวจหาปัญหาหรือความผิดปกติของระบบไฟฟ้าที่อาจเป็นอันตรายแก่ผู้ใช้ได้เร็วที่สุด และช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุทางไฟฟ้าเช่น ไฟไหม้ สะเก็ดไฟ หรือการชนกันของระบบไฟฟ้า
การตรวจสอบระบบไฟฟ้าต้องทำโดยผู้มีความรู้และประสบการณ์ในการทำงานกับระบบไฟฟ้า โดยส่วนใหญ่จะเป็นวิศวกรไฟฟ้าหรือผู้ที่มีใบอนุญาตในการทำงานทางไฟฟ้า (Professional Electrical Engineer) ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการออกแบบ ติดตั้ง และดูแลระบบไฟฟ้าทุกรูปแบบ ในบางกรณีก็อาจจะเป็นช่างไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลระบบไฟฟ้าในบริเวณที่เฉพาะเจาะจง ในการตรวจสอบระบบไฟฟ้า จะใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น มัลติมิเตอร์ (multimeter) ไฟฟ้าวัดได้สูง (hi-pot tester) อินฟราเรด (infrared camera) และอุปกรณ์วัดค่าไฟฟ้า ตรวจสอบทุกส่วนของระบบไฟฟ้า เช่น หม้อแปลงไฟฟ้า ระบบสายไฟฟ้า การต่อของอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อให้แน่ใจว่าระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด
การตรวจระบบไฟฟ้าเป็นกระบวนการที่สำคัญและจำเป็นเพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน การตรวจระบบไฟฟ้าเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน และต้องมีความรอบคอบ ซึ่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านไฟฟ้าที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นผู้ดูแลและตรวจสอบการตรวจสอบระบบไฟฟ้าทำได้โดยมีหลายวิธี ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การตรวจสอบโดยไม่ต้องตัดการจ่ายไฟฟ้าและการตรวจสอบโดยต้องตัดการจ่ายไฟฟ้าการตรวจสอบโดยไม่ต้องตัดการจ่ายไฟฟ้าเป็นการตรวจสอบระบบไฟฟ้าโดยที่ไม่ต้องตัดการจ่ายไฟฟ้าในระบบ ซึ่งสามารถทำได้โดยการตรวจสอบและวัดค่าไฟฟ้าในระบบไฟฟ้า การตรวจสอบโดยไม่ต้องตัดการจ่ายไฟฟ้านั้นเหมาะสำหรับการตรวจสอบระบบไฟฟ้าที่มีความซับซ้อนน้อยการตรวจสอบโดยต้องตัดการจ่ายไฟฟ้า เป็นการตรวจสอบระบบไฟฟ้าโดยต้องตัดการจ่ายไฟฟ้าในระบบ เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายและอุบัติเหตุในการตรวจสอบ การตรวจสอบโดย การตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เพราะระบบไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ใช้งานเป็นประจำในชีวิตประจำวันและเป็นสิ่งที่ต้องการความปลอดภัยมากที่สุด การตรวจสอบระบบไฟฟ้าจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย เนื่องจากหากไม่มีการตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ ที่อาจเกิดความเสียหายทั้งเงินและชีวิตได้ ผู้กำหนดการตรวจสอบระบบไฟฟ้าคือ กฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยและมาตรฐานฯ แต่ละประเทศ โดยส่วนใหญ่จะมีองค์กรหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบในการตรวจสอบระบบไฟฟ้า ในประเทศไทย กฟผ. (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) และ MEA (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตและจำหน่าย) จะมีหน้าที่ในการตรวจสอบระบบไฟฟ้าในท้องถิ่น